ประกันภัยรถยนต์ ถือเป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ใช้รถในชีวิตประจำวันเป็นหลัก เพราะคงไม่มีใครรู้หรอกว่าวันนี้ วันนั้น หรือวันไหนๆ ที่จะเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับเราบ้าง เพราะฉะนั้นการทำ ประกันภัยรถยนต์ ก็เหมือนเป็นการสร้างหลักประกันให้กับชีวิตว่า หากมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในอนาคต เราไม่เดือดร้อนอย่างแน่นอน แต่ถ้ารถไม่มีประกันล่ะจะทำอย่างไร ??
.
สำหรับรถยนต์ใหม่ป้ายแดงคงไม่น่ามีปัญหากับเรื่องนี้ เพราะส่วนใหญ่ก็คงมีการทำประกันไว้อย่างแน่นอน แต่สำหรับรถยนต์ที่เก่าและมีการใช้งานมาหลายปีมากแล้ว ซึ่งหลายคนคงคิดว่า ไม่อยากสิ้นเปลืองเงินไปกับการจ่ายทุกๆเดือน เพราะว่าอาจจะด้วยขับรถอย่างระมัดระวัง และไม่ค่อยประสบอุบัติเหตุ จึงทำให้คิดว่าเป็นการจ่ายเงินไปแบบสูญเปล่า ก็เลยไม่ได้มีการทำประกันต่อ แล้วถ้าหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาล่ะ ??
.
ในกรณีที่เราถูก เรื่องนี้คงไม่มีปัญหาเพราะยังไงแล้ว ถ้าหากฝ่ายของคู่กรณีได้ทำประกันภัยรถยนต์อยู่แล้ว ไม่ว่าจะชั้น 1 ชั้น 2 หรือชั้น 3 ทางประกันของคู่กรณีต้องจ่ายให้เราอย่างแน่นอน โดยทางเราจะได้รับใบเคลม จากบริษัทประกัน และเอารถเข้าอู่ที่ทางบริษัทประกันติดต่อไว้ได้เลย แต่ถ้าหากเป็นในกรณีที่รถคู่กรณีไม่มีประกันแล้วล่ะก็ ถ้าเจอคู่กรณีที่เป็นคนดีซื่อสัตย์ก็ดีไป แต่ถ้าเจอคนที่หัวหมอแล้วล่ะก็เรียกว่าดราม่าขัดแย้งรำคาญใจตกลงกันอีกยาวนานเป็นซีรีย์เรื่องยาวแน่นอน เพราะยังไงแล้วต้องเกิดเหตุการณ์ขึ้นโรงขึ้นศาลกันเลยทีเดียว
.
ถ้าหากว่าเราผิดล่ะ งานหยาบมาแบบใหญ่ๆเลยล่ะ แบบนี้เรียกว่าคุณไม่ต้องทำอะไรใดๆทั้งสิ้นเลย รอแค่ทางฝ่ายคู่กรณีเรียกประกันมาประเมิน และก็รอการพุดคุยต่อรองตกลงราคาในการซ่อมแซมค่าเสียหาย หลังจากนั้นคุณอาจจะต้องมีค่าใช้จ่ายอย่างอื่นมาแบบรัวๆเลยทีเดียวเชียวแหละ ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาลในกรณีที่คู่กรณีบาดเจ็บ ซึ่งอาจจะรวมไปถึงค่าสินไหมทดแทนอีกด้วย
หรือในกรณีที่เป็นการประมาทร่วมกัน เรื่องนี้ก็ไม่ยากหากว่าต่างคนต่างตกลงกันได้ ก็แยกย้ายกันไปซ่อมรถของใครของมัน
.
สรุปกันก็คือ ... การทำประกันนั้นมีประโยชน์ และสามารถช่วยเราในยามที่เกิดสถานการณ์คับขันได้ถ้าเราไม่อยากเสียเงินก้อน เพราะฉะนั้นเตรียมการวางแผนไว้ก่อน ดีกว่าที่จะมาเครียดทีหลังนะค่ะ